ประจวบฯ - รมว.ทส.เฉลิมชัยลั่นกลองรบ!! "ปัญหาไฟป่าและหมอกควัน

ประจวบฯ - รมว.ทส.เฉลิมชัยลั่นกลองรบ!! "ปัญหาไฟป่าและหมอกควัน" เน้น "รวดเร็ว ตรงเป้า เข้าถึงพื้นที่ มีประสิทธิภาพสูงสุด" โดยให้ทุกส่วน "ซักซ้อมแผนป้องกัน แผนรับมือ" ให้ทันต่อสถานการณ์วิกฤติ

มีแนวโน้มว่าไฟป่าและหมอกควัน จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้ง โดยเฉพาะในปี 2568 ที่คาดการณ์ว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงและการทำเกษตรกรรมที่ไม่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเผาไร่ในพื้นที่เกษตรกรรมที่จะมีหมอกควันและฝุ่นละออง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม

รัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการจัดการกับปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง โดยเฉพาะฝุ่นละออง PM2.5 ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ PM2.5 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเร่งกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวในทุกมิติ ทั้งการจัดการไฟในพื้นที่ป่า พื้นที่การเกษตร ตลอดจนการควบคุมฝุ่นละอองจากยานพาหนะและโรงงานอุตสาหกรรมในเขตเมือง

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงได้จัดทำ “มาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง ปี 2568” ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติ ระดับภาค และระดับจังหวัด เพื่อเป็นกลไกการบริหารจัดการในเรื่องนี้

มอบนโยบาย และข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ด้วยความ “รวดเร็ว ตรงเป้า เข้าถึงพื้นที่ มีประสิทธิภาพสูงสุด” โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้

1. การบริหารจัดการพื้นที่เสี่ยง : ให้ทุกหน่วยงานร่วมกันบริหารจัดการแบบไร้รอยต่อ โดยมุ่งเน้นไปที่พื้นที่เสี่ยงเผาไหม้ขนาดใหญ่ 14 กลุ่มป่า (Cluster) ที่มีแนวโน้มเกิดไฟป่ามากที่สุด

2. การติดตามสถานการณ์ : ให้มีการติดตามสถานการณ์จุดความร้อน และสนธิกำลังพลจากฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายปกครองและเครือข่ายในการลาดตระเวนและเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น เพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ขยายวงกว้าง

3. การควบคุมการเข้าพื้นที่ : ต้องมีการควบคุมและจำกัดการเข้าพื้นที่ป่าในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการลักลอบเผาในพื้นที่ป่า

4. การจัดการการเผาในพื้นที่เกษตร : สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด สำนักสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษในพื้นที่ จะต้องประสานงานกับจังหวัดในการบริหารจัดการการเผาในพื้นที่เกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ

5. การสื่อสารสถานการณ์ : ต้องมีการสื่อสารแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นอย่างทั่วถึงและทันท่วงที เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจต่อสถานการณ์แก่ประชาชน

6. การทำงานร่วมกับจังหวัด : ทุกหน่วยงานในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องสนับสนุนการทำงานร่วมกับจังหวัดอย่างเต็มที่ เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพสูงสุด

7. การจัดสรรงบประมาณ : หากงบประมาณไม่เพียงพอให้เร่งขอรับการจัดสรรงบกลาง และสอบถามความต้องการของจังหวัดเพื่อประสานงานกับสำนักงบประมาณโดยด่วน

โดยมุ่งมั่นที่จะดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงสุขภาพอนามัยของประชาชนให้ปลอดภัย ซึ่งการแก้ไขปัญหาไฟป่าไม่สามารถทำได้เพียงแค่หน่วยงานภาครัฐเท่านั้น แต่ยังต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมถึงประชาชนทั่วไป ด้วยการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาไฟป่าและผลกระทบที่เกิดขึ้น จะช่วยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหานี้อย่างมีประสิทธิภาพ

ฝากทุกภาคส่วน ช่วยกันสร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจ และสร้างความตระหนักในพื้นที่ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการร่วมแรง ร่วมใจ บูรณาการการทำงานอย่างเต็มที่ร่วมกัน ทั้งส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ภาคประชาสังคม และประชาชนจิตอาสา เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้ประสบความสำเร็จบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

ทีมข่าวจ.ประจวบฯ / กระทรวงทรัพยากรฯ

Please Select Embedded Mode To Show The Comment System.*

ใหม่กว่า เก่ากว่า
ข่าวช่อง2 ออนไลน์ไทยแลนด์

Default Thumbnail

ข่าวช่อง2 ออนไลน์ไทยแลนด์