ชลบุรี - “บิ๊กเผือก” ผบช.ทท.ชักธงรบ!ลุยอาชญากรรม-ปราบไกด์เถื่อนเที่ยวปลอดภัย ไฮซีซั่น “พัทยา”
ตำรวจท่องเที่ยว เดินเครื่องเต็มสูบ ประกาศลั่นกลองรบ เปิดเกม “รุกฆาต”ปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรรมทุกรูปแบบเข้มข้น ต้อนรับ“ไฮซีซั่น” ฤดูกาลท่องเที่ยวไทย เพื่อเสริมใยเหล็กแห่งความปลอดภัย เติมเต็มความอบอุ่นใจ และตอกย้ำความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว จากทุกมุมโลก ที่กำลังปักหมุดเดินทางมา เยือน“สยามเมืองยิ้ม” โดยมุ่งเน้น ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวทั่วประเทศ ในจำนวนนั้น“พัทยา”ถือเป็น เมืองเป้าหมายสำคัญ ที่ทางตำรวจท่องเที่ยวต้องปัดกวาดให้เกลี้ยงเกลา เพื่อเติมเต็มความสุข เสริมปราการความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว ได้สนุกกันสุดเหวี่ยง แบบว่าประทับใจไม่รู้ลืม
ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่11 พฤศจิกายน 2567 ว่า ตามที่ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ภายใต้การนำของ “บิ๊กเผือก” พล.ต.ท. ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เร่งรัดตามนโยบายของ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเน้นการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ระดมกวาดล้างอาชญากรรมใน 10 กลุ่มต้องห้ามช่วงไฮซีซั่น ระหว่างวันที่ 8-14 พฤศจิกายน 2567
ในส่วนของ กองกำกับการสืบสวนตำรวจท่องเที่ยว นำโดย พ.ต.อ.ทรงวุฒิ เชื้อพลากิจ ผกก.สืบสวน บช.ทท. ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ รักษา รองผกก.สืบสวน บช.ทท.และชุดปฏิบัติการ ลงพื้นที่ตรวจสอบตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเมืองพัทยา บริเวณชายหาดพัทยา ,ถนนคนเดินพัทยา หรือย่าน “วอล์คกิ้งสตรีท”พัทยาใต้ ,วัดพระใหญ่ และปราสาทสัจธรรม พัทยาเหนือ อันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพื่อสืบสวนหาข่าว และจับกุมการกระทำความผิดที่ส่งผลกระทบ ต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงความผิดอื่น ๆ ตามนโยบาย ของผู้บังคับบัญชา
จากการลงพื้นที่ดังกล่าว เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พบชาวต่างชาติลักลอบทำงานเป็นมัคคุเทศก์ ซึ่งเป็นอาชีพต้องห้ามที่กำหนดไว้สำหรับคนไทยเท่านั้น เนื่องจากการทำงานเป็นมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ถือเป็นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551
โดยรายแรก จับกุมผู้ต้องหาชาวจีน 1 ราย ลักลอบทำงานในอาชีพมัคคุเทศก์ที่กฎหมายกำหนดให้สงวนไว้สำหรับคนไทย แจ้งข้อหา “ทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนฯ”
นอกจากนี้ ทางชุดจับกุม ยังได้แจ้งข้อกล่าวหา ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ฐาน “คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ประกอบอาชีพหรือรับจ้างทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต” และข้อหา“เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” พ.ร.บ.คนเข้าเมือง 2522 (72วัน)
ขณะเดียวกัน ยังจับกุมไกด์ชาวไทย แจ้งข้อหา “เป็นมัคคุเทศก์ยินยอมให้บุคคลอื่น ซึ่งไม่มีใบอนุญาตทำหน้าที่แทนตน” ควบคุมผู้ต้องหาทั้งสอง ส่งสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รายต่อมา พ.ต.อ.ทรงวุฒิ เชื้อพลากิจ ผกก.สืบสวน บช.ทท. มอบหมายให้ พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ รักษา รองผกก.สืบสวน บช.ทท.และชุดปฏิบัติการออกสืบสวนหาข่าว และสามารถจับกุม ผู้กระทำความผิดเป็นชาวไทย 1 ราย ในข้อหา “เป็นมัคคุเทศก์ยินยอมให้บุคคลอื่นซึ่งไม่มีใบอนุญาตทำหน้าที่แทนตน” พร้อมกันนี้ยังจับกุมไกด์เถื่อนชาวเกาหลีใต้ แจ้งข้อหา “ทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนฯ” นอกจากนี้ยังแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ในข้อหาตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ฐาน “คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ประกอบอาชีพหรือรับจ้างทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต” ควบคุมตัวผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ และ คนไทย ส่งสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
วันเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน บช.ทท. จับกุมชาวต่างชาติสัญชาติอียิปต์ เข้ามาทำงานในร้านอาหาร ใบอนุญาตไม่ถูกต้อง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้” ตาม พ.ร.ก. การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฯ
ผู้สื่อข่าว ยังรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า นอกจากตำรวจท่องเที่ยวจะเน้นเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย อย่างเข้มข้นแล้ว ยังได้ตรวจสอบรถตู้บริการการท่องเที่ยว และรถสาธารณะ พบผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวกระทำความผิดในฐานความผิด“ประกอบธุรกิจนำเที่ยวไม่จัดให้มีใบสาขา” จำนวน 1 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน บช.ทท.จึงได้ทำบันทึกปรับทางพินัยส่งให้นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เพื่อดำเนินการทางกฏหมาย
อีกทั้งยังได้จับกุมผู้ให้บริการรถสาธารณะ ซึ่งมีพฤติกรรมในการรบเร้าขายบริการให้กับนักท่องเที่ยวบริเวณริมถนน ในข้อกล่าวหา “ก่อความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ผู้อื่นในที่สาธารณะ” ตาม ป.อาญา ม.397 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีประชาชนร้องเรียนไปทาง นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ว่าพบกลุ่มชายทำการขายบริการท่องเที่ยวให้แก่ชาวต่างชาติบริเวณดังกล่าว จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการ ตามกฏหมาย ต่อไป
ทีมข่าวชลบุรี:
ธัญธนาฒย์ สิงห์โตนิเวศ
อธิบดี บุญชารี รายงาน