ชลบุรี - กลุ่มผู้รับเหมาประกาศกฎเหล็กไม่ดำเนินงานต่อโครงการพลังงานสะอาด หาก UJV ไม่ชำระหนี้เก่าทั้งหมด

ชลบุรี - กลุ่มผู้รับเหมาประกาศกฎเหล็กไม่ดำเนินงานต่อโครงการพลังงานสะอาด หาก UJV ไม่ชำระหนี้เก่าทั้งหมด 

28 บริษัทผู้รับเหมา โครงการพลังงานสะอาด CFP ร่วมลงสัตยาบันไม่ดำเนินงานต่อ หากไม่ได้รับการชำระหนี้เก่าทั้งหมดจาก  UJV เหตุหมดแรง-หมดกำลังจ้างงาน  เตรียมยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาจากเจ้าของโครงการ 

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 18  พ.ย.67 กลุ่มผู้รับเหมาในโครงการพลังงานสะอาด CFP ( Clean Fuel Project) โรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์  อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่ประกอบด้วย 28 บริษัทผู้รับเหมา ซึ่งมีมูลหนี้ค้างชำระที่ยังไม่ได้รับการชำระจากผู้รับเหมาหลัก UJV นาน 8เดือน รวมเป็นเงินกว่า 6 พันล้านบาท ได้ร่วมกันลงสัตยาบัน ที่จะไม่ดำเนินงานในโครงการพลังงานสะอาดต่อ หากไม่ได้รับการชำระหนี้เก่าทั้งหมดจากผู้รับเหมาหลักUJV  ที่ประกอบด้วย  Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd., Petrofac South East Asia Pte. Ltd., และ Saipem Singapore Pte., Ltd.)  

การลงนามของผู้รับเหมาใน โครงการพลังงานสะอาด CFP  ครั้งนี้จัดขึ้นที่ห้องประชุม Ballroom โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สวีท ศรีราชา แหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยมีตัวแทนจาก 28 บริษัทเข้าร่วม เกือบ 50 คน 

นายฉัตรมงคล เขมาภิรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีราชา คอนสตรัคชั่น จำกัด ให้เหตุผลของการลงสัตยาบันร่วมกันว่าเป็นเพราะผู้รับเหมาบางเจ้าถึงขั้นล้มละลายแล้ว ขณะที่ผู้ประกอบการเจ้าใหญ่บางเจ้าเริ่มมีปัญหา Cash Flow  บางบริษัทก็เริ่ม ไม่มีเงินพอจ่ายค่าแรงคนงานและ supplier 

“ ขณะนี้บริษัทเหล่านี้ได้สูญเสียเครดิตในตลาดไปหมดแล้ว เพราะการติดค้างค่างวด  supplier ซึ่งการขาดความน่าเชื่อถือ ส่งผลต่อการเช่าเครื่องจักรที่จะนำมาใช้ในการก่อสร้าง และเป็นเรื่องยากที่จะกลับมาได้ง่ายเหมือนเดิม อีกทั้งทางธนาคารก็ไม่พิจารณาปล่อยกู้ให้สำหรับโครงการนี้อีกด้วย วันนี้ผู้รับเหมาจึงอยู่ในสภาพโดนทั้งขึ้นและล่อง” 

นายฉัตรมงคล ยังบอกอีกว่า ปัญหาการขาดสภาพคล่องอย่างหนัก  หาก UKV ไม่มีการชำระหนี้เก่าหรือเงื่อนไขการจ่ายค่างวดในอนาคตไม่ชัดเจน หรือชำระหนี้ตามกำหนดเวลาในสัญญาอย่างเคร่งครัด ในทุกช่วงระยะเวลาของการดำเนินงานโครงการฯ  ก็ถือเป็นการยากที่จะเรียกความเชื่อมั่นของคนงานทั้งหมดร่วมกว่า 10,000 กว่าชีวิตในการที่จะกลับมาทำงานกับบริษัทผู้รับเหมาช่วงอีก เพราะไม่มีความเชื่อมั่นว่าจะได้รับเงินเดือนสม่ำเสมอ หรืออาจจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมอีก

“ ดังนั้นจึงเป็นเหตุสำคัญที่จะต้องมีการลงสัตยาบันร่วมกันว่าจะไม่กลับไปทำโครงการ CFPอีก หากหนี้เก่าทั้งหมดของพวกเราไม่ได้รับการเยียวยาหรือชำระ และเพื่อเรียกร้องให้เจ้าของโครงการพลังงานสะอาด กำหนดเงื่อนไขให้ผู้รับเหมาหลักดำเนินการชำระหนี้ให้แก่กลุ่มผู้รับเหมาช่วงทุกบริษัทที่เกี่ยวข้อง ภายในกำหนดระยะเวลาตามสัญญา โดยไม่มีข้อยกเว้น”

เพราะแม้ที่ผ่านมา กลุ่มผู้รับเหมา จะเดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล  เพื่อขอความช่วยเหลือและชี้แจงให้รับทราบถึงผลกระทบที่กลุ่มบริษัทผู้รับเหมาช่วงโครงการก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ ถูกเบี้ยวค่าแรง แม้จะส่งมอบงานตามสัญญาเป็นเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เดือน ก.พ. 2567  จนทำให้เกิดปัญหาต่อสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทผู้รับเหมาช่วงรวมหลายราย และยังได้ส่งผลกระทบต่อแรงงานกว่า 10,000 คน 

โดยมี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และนายทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  เป็นตัวแทนรับมอบเมื่อวันที่ 12 พ.ย.2567 ที่ผ่านมา

โดยในที่ประชุมได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาอย่างเร่งด่วน โดยมีการเชิญผู้เข้าร่วมเพิ่มคือ ปตท. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของไทยออยล์ และกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ ปตท. โดยชี้แจงให้ผู้รับเหมารวบรวมคำร้องทั้งหมดให้เป็นแบบผังเดียวกันเพื่อง่ายในการพิจารณาและเร่งรัดขบวนการให้รู้ผลภายใน 1 เดือน และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานในคณะกรรมการชุดนี้ 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2567 ที่ผ่านมา ตัวแทนบริษัทผู้รับเหมา ได้นำหลักฐานวางบิลค่างวดงานเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แหลมฉบัง เพื่อเอาผิดทางอาญาถึงที่สุดกับกลุ่ม UJV ผู้จัดการ ผู้กระทำการแทน ผู้รับเหมาหลักหรือผู้แทนและบุคคลเกี่ยวข้องฐานทุจริตหลอกลวง ไม่จ่ายค่าจ้างตามสัญญา และยังให้ทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยยึดหนังสือ ค้ำประกันของผู้รับเหมาช่วงเป็นตัวประกัน ซึ่งทางผู้กำกับ สภ.แหลมฉบัง ก็จะเริ่มขบวนการสอบสวนตั้งแต่ 19 พย. 2567เป็นต้นไป

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2567 ที่มีการนำกลุ่มผู้รับเหมาช่วงกว่า  3,000 คน เดินขบวนไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้บริหารบริษัท ไทยออยล์ ที่ด้านหน้าโรงกลั่นใน อ.ศรีราชา เพื่อให้รับทราบถึงปัญหาและความเดือดร้อนโดยขอให้บริษัท ไทยออยล์ ช่วยเจรจาให้กลุ่ม UJV ยอมจ่ายค่าจ้างที่ยังค้างจ่าย จนผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ต้องเรียกประชุมร่วมทุกฝ่ายเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไข 

แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ซึ่งหลังจากนี้กลุ่มผู้รับเหมายังจะขอพบผู้บริหารไทยออยล์ เพื่อยื่นหนังสือทวงถาม และติดตามความคืบหน้าผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหา ซึ่งขณะนี้ยังรอการตอบกลับจากทางไทยออยล์ อยู่ 

ทีมข่าวชลบุรี:

ธัญธนาฒย์  สิงห์โตนิเวศ

อธิบดี  บุญชารี   รายงาน




 

Please Select Embedded Mode To Show The Comment System.*

ใหม่กว่า เก่ากว่า
ข่าวช่อง2 ออนไลน์ไทยแลนด์

Default Thumbnail

ข่าวช่อง2 ออนไลน์ไทยแลนด์