เกษตรกรที่ปลูกกล้วยในพื้นที่ตำบลลีเล็ตกำลังประสบปัญหากล้วยเป็นโรคตายพราย ส่งผลให้ตนกล้วยยืนต้นตาย ด้านเจ้าหน้าที่เกษตรจังหวัดเข้าให้การแนะนำช่วยเหลือแก้ปัญหาโรคที่เกิดขึ้น
นายพิศิษฐ์ ล้อมลิ้ม อายุ 71 ปี 61/3 หมู่ที่ 6 ต.ลีเล็ต อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนได้ปลูกปาล์มน้ำมันและมะพร้าวในพื้นที่หลังบ้าน อยู่แล้วและมีพื้นที่ว่างเปล่าระหว่างร่องสวนได้หันมาปลูกกล้วยเพื่อนำไปขายเป็นรายได้เสริมบนเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ ประกอบด้วยกล้วยน้ำหว้า กล้วยหอมและกล้วยหิน ซึ่งขณะนี้เป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก ปลูกไว้ประมาณ 100 ก่อๆ 5-6 ตันเพื่อต้องการให้กล้วยเจริญเติบโตได้เต็มที่ แต่ปัจจุบันกล้วยกลับมาประสบปัญหาโรคระบาด เรียกว่าโรคตายพราย ทำให้ผลผลิตที่ได้ขาดหายไปทำให้ตนขาดรายได้จากการปลูกกล้วยเป็นอาชีพเสริม ซึ่งในแต่ละสัปดาห์ตนจะขายกล้วยสัปดาห์ละไม่น้อยกว่า 50 กิโลกรัม 15-20 บาทขึ้นอยู่กับขนาดและความสวยงาม ทำให้มีรายได้เสริมสัปดาห์ละ 800 -1000 บาท ถือว่าเป็นรายได้ที่น่าพอใจแต่พอมาเกิดโรคทำให้รายได้เล่านั้นลดลง ซึ่งโรคเชื้อราชนิดนี้ไม่ได้เป็นแต่ของตนเองเท่านั้นยังมีเกษตรกรรายอื่นๆเป็นด้วย โดยเฉพาะกล้วยที่ปลูกที่รายลุ่มและมีน้ำท่วมขังจะมักพบโรคดังกล่าว
ด้านนางใจทิพย์ ด่านปรีชานันท์ หัวหน้ากลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ขณะนี้เกษตรกรที่ปลูกกล้วยในพื้นที่สุราษฎร์ธานีโดยเฉพาะที่ราบลุ่มริมแม่น้ำหรือที่มีน้ำขังจะประสบปัญหาโรคตาพรายใสต้นกล้วย ซึ่งเป็นเชื้อราชนิดหนึ่งเรียกว่า เชื้อราฟิวซาเรี่ยม ที่เข้าสู่ลำต้นทางรากและแพร่กระจายสู้ท่อลำเลี่ยงน้ำทำให้เนื้อเยื้อตายเป็นสีน้ำตาลในท่อลำเลียงของต้นเทียมของกล้วย และลุกลามขึ้นสู่ก้านใบ โคนใบใบแก่ด้านนอกจะเป็นสีเหลือซีดและจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหลังจากเป็นแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ต้นกล้วยก็จะยีนต้นตาย ในเบื้องต้นทางสำนักงานเกษตรจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้แนะนำเกษตรกรให้เอาปูนขาวไปใส่ปูนขาวบริเวณโคนต้นหรือโตนโคโดรม่า เพื่อฆ่าเชื้อสำหรับต้นที่ยังไม่เป็นแต่หากต้นไหนที่เป็นแล้วก็ต้องทำลายทิ้งเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดต่อไป