ศูนย์ประสานการปฎิบัติหน้าที่ 3 กอ.รมน.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การก่อการร้าย การก่อ่อาชญากรรมด้านเทคโนโลยี่ รวมถึงภัยคุกคามต่างๆที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่สุราษฎร์ธานี
วันนี้ที่ห้องประชุมไข่แดง กอ.รมน.จังหวัดสุราษฎร์ธานี พลโท ชนินทร์ สิงหนาทนิติรักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 3 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร นำคณะลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจติดตามการปฏิบัติงานและประชุมร่วมกับส่วนราชการ/หน่วยงานด้านความมั่นคง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และผู้เกี่ยวข้อง โดยมีพันเอก ฐิติพงษ์ อินวะษา รองผู้อำนวยการรักษาความมันคงภายในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้การต้อนรับและประชุมบูรณาการกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ในพื้นที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุราษฎร์ธานี อาทิ การปราบปรามขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การก่ออาชญากรรมด้านเทคโนโลยี การก่อการร้าย รวมทั้งภัยคุกคามต่างๆ ที่มีผลต่อความมั่นคงของชาติ
หลังจากนั้นได้เดินทางลงพื้นที่ ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามการคัดกรองกลุ่มนักท่องเที่ยวการต่ออายุวีซ่าและการอยู่ในราชอาณาจักรให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งในภาพรวมยังไม่พบสิ่งผิดปกติหรือกลุ่มบุคคลต้องสงสัยที่จะเข้ามาขอความไม่สงบในประเทศไทย จากนั้น ได้เข้าติดตามการดำเนินงาน ของกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 สุราษฎร์ธานี ซึ่งปัจจุบันพบว่า ในพื้นที่รับผิดชอบมีสถิติคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้ประชาชนส่วนใหญ่จะแจ้งร้องทุกข์ผ่านระบบออนไลน์ และมีบางส่วนที่เดินทางมาขอรับคำปรึกษาที่สำนักงาน
ด้าน พลโท ชนินทร์ สิงหนาทนิติรักษ์ ได้เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนได้ช่วยกัน สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนไม่ตกเป็นเหยื่อ ของมิจฉาชีพออนไลน์และหากตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ หรือต้องการคำปรึกษาสามารถโทรสายด่วน 1441 เพื่อขอความช่วยเหลือได้
จากนั้นคณะได้เดินทางต่อไปยังท่าเรืออเนกประสงค์แหลมทวด ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติที่จะเดินทางไปยังพื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ซึ่งภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เช่นเดียวกับที่ท่าเรือบริษัทซีทรานเฟอร์รี่และท่าเรือราชาเฟอร์รี่ ซึ่งเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกรถข้ามไปยังเกาะสมุย เกาะพะงันและเกาะพลวย ซึ่งบรรยากาศวันนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวไม่หนาตาเนื่องจากไม่ใช่ช่วงเทศกาล โดยพลโท ชนินทร์ สิงหนาทนิติรักษ์ ได้เน้นย้ำกับผู้ประกอบการ ท่าเรือเฟอร์รี่ทั้ง 2 แห่ง ได้ดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความมั่นใจและส่งต่อเรื่องราวดีๆไปในหมู่นักท่องเที่ยว เพื่อให้ชักชวนกันมาท่องเที่ยวในประเทศไทยสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศตามนโยบายรัฐบาล