ม.ราชภัฎสุราษฎร์ฯ จัดเวทีดีเบต เปิดโอกาสผู้สมัครนายก อบจ.แสดงนโยบาย หวังเสริมทักษณะการเรียนและวิเคราะห์คนดีบริหารท้องถิ่น ในขณะที่วัดเลือกตั้งเหลือเพียงไม่ถึง 20 วันการต่อสู้ทางการเมืองท้องถิ่นเริ่มเข้มข้นขึ้น
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธาตรี คำแหง คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่หวังสร้างการพัฒนาศักยภาพของนักศึกษา ได้เรียนรู้การเมืองการปกครอง เกิดประโยชน์ด้านการศึกษาและการเรียนรู้การจัดการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่นที่จะเข้ามาพัฒนาบ้านเกิดตัวเอง
โดยในวันนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายจำนวน 4 หมายเลข ประกอบด้วย นายสมพล สิงหพล หมายเลข 1 ที่เข้าร่วมด้วยตนเอง ,นายวิเชียร จันทร์บัว หมายเลข 3 เข้าร่วมด้วยตนเอง ,นางโสภา กาญจนะ หมายเลข 4 ที่ส่งเลขานุการคนรุ่นใหม่ ที่เหมาะสมในการเข้าแถลงนโยบายกับกลุ่มวัยรุ่น, และนายแพทย์จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ หมายเลข 5 ร่วมแสดงนโยบายด้วยตัวเองเช่นกัน พร้อมมี นายสุรินทร์ บัวงาม ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำ จว.สฎ. ร่วมสังเกตุการณ์เวทีดีเบตในครั้งนี้
ด้านนายธนวัฒน์ สุขอ่อน นักศึกษาชั้นปี 3 สาขารัฐศาสตร์ กล่าวว่า เวทีนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อตัวเองในเรื่องการศึกษา ทั้งในเรื่องการจัดการท้องถิ่น การจัดการเลือกตั้ง และยังได้รับทราบนโยบายของแต่ละคนที่แต่ต่างกัน นำไปสื่อสารกับครอบครัว เพื่อวิเคราะห์เลือกคนดี และนโยบายที่เหมาะกับวิถีชีวิตของครอบครัวและชุมชน
ซึ่งการเลือกตั้งนายก อบจ.สุราษฎร์ ปี 68 มีผู้สมัครรับเลือกตั้งรวม 6 คน ประกับด้วย นายสมพล สิงหพล หมายเลข 1 ,นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว หมายเลข 2 ,นายวิเชียร จันทร์บัว หมายเลข 3 ,นางโสภา กาญจนะ หมายเลข 4, นายแพทย์จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ หมายเลข 5 และนายกฤษณ์ บุญประสพ หมายเลข 6
สำหรับผู้สมัครที่น่าจับตามองในการลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ ยังคงต้องดูกันที่ นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว เจ้าของเก้าอี้นายก อบจ.สมัยที่ผ่านมา ลงสมัครในนามอิสระ แต่ก็มีสายสัมพันธ์อันดีกับ พรรคกล้าธรรม เนื่องจากลูกสาวเป็นเลขาฯ รมต.เกษตรฯ ซ้ำรอบนี้จับมือกับนายมนตรี เพชรขุ้ม อดีตนายก อบจ.ปี 2552-2556 เพื่อรักษาเก้าอี้นายกในสมัยนี้ พร้อมสานงานต่ออีกสมัย ที่จะต้องขับเคี้ยวกับ นางโสภา กาญจนะ อดีต ส.ส.เขต 3 สุราษฎร์ธานี ที่วันนี้ควงคู่มากับ นายชุมพล กาญจนะ สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ หนึ่งในแม่ทัพศึกเลือกตั้ง ส.ส.ที่สามารถกวาดที่นั่งไปถึง 6 เขต จากทั้งหมด 7 เขต
นอกจากนั้นยังมีอีกหนึ่งตัวแปร อย่าง น.พ.จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ อดีตนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ฯ ซึ่งมีฐานเสียงจากองค์กรด้านสาธารณสุขในระดับหนึ่ง รวมถึงการเป็นคนพื้นที่แต่กำเนิด ซึ่งตอนทำงานด้านสาธารณสุขก็ลงพื้นที่ทำงานใกล้ชิดชุมชนมาโดยตลอดเช่นกัน
