สัมมนาและฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในจังหวัดกระบี่เพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงานกรณีฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสีระดับจังหวัด
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 เวลา 09.30 นาฬิกา นายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เปิดการสัมมนาแนวทางการจัดทำแผนเผชิญเหตุและการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงานกรณีฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี ซึ่งจัดขึ้นวันที่ 20 – 24 มกราคม 2568 ที่ห้องประชุมโรงแรมโกลเด้นบีชรีสอร์ท หมู่ที่ 2 บ้านอ่าวนาง ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด ตำรวจท่องเที่ยว กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 กองพันทหารราบที่ 2 กองพลนาวิกโยธิน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด การไฟฟ้าผ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าภาคใต้กระบี่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่กูชีพกู้ภัยจังหวัดกระบี่ เข้าร่วมจำนวน 60 คน
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในเกิดเหตุกรณีทางนิวเคลียร์และรังสีภายในจังหวัดกระบี่ และการสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดกระบี่ และเพื่อการพิจารณาทบทวนแผนดังกล่าวระดับจังหวัดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นสำนักงานปรมารณูเพื่อสันติ จึงร่วมกับจังหวัดกระบี่ จัดให้มีการสัมมนาและการฝึกอบรมดังกล่าวขึ้นในวันนี้ เพื่อการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเกตุการณ์จากนิวเคลียร์และรังสีจังหวัดกระบี่
นายภานุพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับหัวข้อในการฝึกอบรมจะเน้นในเรื่อง ความรู้เบื้องต้นและการป้องกันอันตรายจากรังสี เรื่องผลบกระทบของรังสีต่อสิ่งมีชีวิต เรื่องตัวอย่างวัสดุกัมมันตรังสีและการใช้งาน เรื่องตัวอย่างเหตุการณ์และการดำเนินการเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินทางรังสี เรื่องการปฏิบัติงานเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉินทางรังสี เรื่องการจัดการการเปรอะเปื้อนทางรังสี การปฏิบัติการเก็บตัวอย่างทางสิ่งแวดล้อมในกรณีฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี ปฏิบัติการเครื่องวัดรังสีและการใช้ ปฏิบัติการการใช้เครื่องวัดรังสีในการตรวจวัดในสถานการณ์ต่างๆ การวางแผนและเตรียมการปฏิบัติงาสรกรณีฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี ปฏิบัติการจำลองสถานการณ์ภาคปฏิบัติ และการทดสอบหลังการฝึกอบรม เป็นต้น
ด้านนายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ และใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์อย่างแพร่หลาย ทำให้มีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์และรังสี จนอาจเปิดเป็นสาธารณภัยซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม แม้ว่าความถี่ของเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสีจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แต่เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ จะเห็นว่าผลกระทบและความร้ายแรงของอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์และรังสี สามารถส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง ตามสถานการณ์และสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจนอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ เราไม่อาจคาดการณ์ว่าอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์และรังสีจะเกิดขึ้นที่ไหนเมื่อไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถกระทำได้คือการเตรียมความพร้อมและตอบสนองกรณีอุบัติเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี โดยจะต้องมีแนงทางการจัดทำแผนเผชิญเหตุด้านนิวเคลียร์และรังวสีระดับจังหวัด
นายอนุวรนรตน์ กล่าวอีกว่า เพื่อให้แต่ละจังหวัดสามารถดำเนินการตามแนวทางการปฏิบัติการ โดยสามารถจัดการเหตุการณ์เมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยปี 2550 แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติปี 2564 – 2570 รวมทั้งระเบียบข้อบังคับกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในการเผชิญเหตุกรณีฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี ถือเป็นโอกาสสำคัญอันดีที่เราจะเตรียมความพร้อมในการตอบโต้ต่อภาวะฉุกเฉินทางรังสีสำหรับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในจังหวัดกระบี่ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแผนเผชิญเหตุภัยจากนิวเคลียร์และรังสีจังหวัดกระบี่ เพื่อเตรียมพร้อมระงับเหตุฉุกเฉินดังกล่าวในประเทศไทยให้มีความเข้มแข็ง และสามารถรองรับกับภัยรูปแบบใหม่ๆในอนาคตอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ