เจ้าหน้าที่สกัดจับรถผิดสัญญาไฟแนนซ์ไม่ใช่แก๊งโจรกรรมนำรถส่งขายข้ามชาติ
เมื่อวันที่ 9 ม.ค.68 ที่สำนักงานด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง ถ.สุขยางค์ ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา พ.ต.ท.สิทธิพงศ์ สมพันธ์ สว.ด่าน ตม.เบตง พร้อมด้วย พ.ต.ต.กรกช ภักดีเลขะกุล สว.กก.สส.1 บก.สส.จชต. เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเบตง และ อส.ชุดประสานงานชายแดนไทยมาเลเซีย ได้ส่งมอบตัว นายริม เชง ฮง อายุ 34 ปี ชาวมาเลเซีย นายชวย ซิวไฟ อายุ 43 ปี ชาวมาเลเซีย นายนูวีฮันดานี บิน อับดุลฮามิด อายุ 29 ปี ชาวมาเลเซีย พร้อม รถยนต์กระบะโตโยต้าไฮลักซ์ รีโว่ 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน NEB 8365 มาเลเซีย ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวนสอบสวน ประเทศมาเลเซีย และเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลประเทศมาเลเซีย หลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมา อส.ชุดประสานงานชายแดนไทยมาเลเซีย ได้รับการประสานจาก ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ประเทศมาเลเซีย ให้สกัดรถคันดังกล่าวซึ่งกำลังข้ามแดนมายังอำเภอเบตง เนื่องจากคาดว่ารถคันดังกล่าวถูกนำข้ามมายังฝั่งประเทศไทย ด้านด่านพรมแดนเบตง
ต่อมาในช่วงเช้าของวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเบตง และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ประเทศมาเลเซีย และเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลประเทศมาเลเซีย ได้เข้ามาทำการสอบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเบตง พบว่านายริม เชง ฮง ซึ่งเป็นคนขับรถเข้ามา และมีเพื่อนอีก 2 คน ที่นั่งรถมาด้วย เดินทางเข้ามาในช่วงเวลาที่ประตูด่านพรมแดนเบตงกำลังปิดเมื่อช่วงค่ำวานนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซีย ไม่สามารถติดตามเข้ามาได้ และจากการตรวจสอบเอกสารต่างๆของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเบตง พบว่ามีเอกสารรถถูกต้อง และได้ประทับตราหนังสือเดินเข้ามาถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ฝั่งไทย จึงไม่สามารถควบคุมตัวได้ จึงปล่อยให้ทั้งสามเดินทางเข้ามาพักในเขตเทศบาลเมืองเบตง แต่ก็ให้เจ้าหน้าที่ทำการเฝ้าติดตามตลอด จนกระทั่งวันนี้ในช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียได้เดินทางเข้ามาประสานและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทางการไทย ทราบว่า ผู้ต้องสงสัยได้มีการปลอมแปลงเอกสาร ใบมอบอำนาจในการนำรถเข้ามาในประไทย โดยเจ้าของรถได้ทำการแจ้งความกับตำรวจมาเลเซียไว้ที่สถานีตำรวจเปิงกาลันฮูลู รัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำวานนี้ หลังจากตรวจพบตำแหน่ง จีพีเอส ของรถคันดังกล่าวอยู่ใกล้พรมแดนไทย เจ้าหน้าที่จึงได้ไปนำตัวทั้งสามคน ออกจากที่พักในโรงแรมใจกลางเมืองเบตง และได้ส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศมาเลเซีย เพื่อนำกลับไปดำเนินคดีในเรื่องเกี่ยวกับการเช่าช่วงต่อ รถที่ยังอยู่ในไฟแนนซ์
ด้านตำรวจของประเทศมาเลเซีย ได้ให้ข้อมูลว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าว บางคนอยู่ในการเฝ้าจับตาดูว่าเป็นแก๊งโจรกรรมรถข้ามชาติหรือไม่ เนื่องจากมีประวัติเกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตามบุคคลทั้ง 3 ไม่มีหมายจับในประเทศมาเลเซียแต่อย่างใด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทางการมาเลเซียได้ติดตามดูพฤติกรรมมาระยะหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะนายริม เชง ฮง ที่ได้เคยนำรถยนต์ข้ามเข้ามาประเทศไทยมาหลายครั้งแล้ว โดยผ่านทางด่านพรมแดนเบตงและด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา แต่เวลาเดินทางกลับประเทศมาเลเซีย จะเดินทางกลับทางด่านพรมแดนทั้งสองด่านตามปกติและจากการตรวจสอบไม่พบการนั่งเครื่องบินกลับแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.ท.สิทธิพงศ์ สมพันธ์ สว.ด่าน ตม.เบตง เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าวภายหลังจากการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศมาเลเซีย ในการตรวจสอบเพิ่มเติมว่าเป็นแก๊งโจรกรรมรถส่งขายข้ามชาติที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านหรือไม่ จากการตรวจสอบและได้รับคำยืนยันว่าไม่ใช่แก๊งโจรกรรมรถส่งขายข้ามชาติแต่อย่างใด แต่สาเหตุมาจากรถยนต์คันดังกล่าวได้เข้ามาทางด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตงเมื่อช่วงเวลา 20.30 น.ก่อนด่านปิดโดยเจ้าของรถยนต์กระบะคันดังกล่าวซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาไฟแนนซ์เช่าซื้อกับบริษัทไฟแนนซ์ ได้ไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจเปิงกาลันฮูลู รัฐเปรัค ประเทศมาเลเซียไว้ ซึ่งในช่วงแจ้งความเป็นช่วงเวลาด่านใกล้ปิดทำการแล้ว จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ด่าน ตม.เบตง เพื่อเฝ้าดูรถคันดังกล่าว โดยการหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้ทำการตรวจสอบประวัติบุคคลทั้งสามว่ามีบัญชีแบล็กลิส หรือไม่ แต่จากการตรวจสอบไม่พบประวัติแต่อย่างใดและได้ยื่นแบบฟอร์มในการเข้า – ออก พรมแดนทุกครั้งถูกต้อง ต่อมาในช่วงเช้าของวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศมาเลเซียได้เดินทางเข้ามาเพื่อทำการสอบสวนร่วมเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเบตง และได้ทำการบันทึกตรวจค้นยึดรถและได้เชิญผู้ต้องสงสัยกลับไปยังประเทศมาเลเซียโดยให้ทางตำรวจมาเลเซียเป็นคนกลางในการแปลภาษา เนื่องจากผู้ต้องสงสัยเป็นคนจีนและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยรถคันดังกล่าวเจ้าของรถเป็นไฟแนนซ์ และผู้ต้องสงสัยได้ไปทำสัญญาเช่าซื้อกับไฟแนนซ์ และได้ให้บุคคลที่ 3 ที่ไม่ใช่คู่สัญญากับไฟแนนซ์ เช่าช่วงต่อ โดยคนที่เช่าช่วงต่อมีประวัติลักษณะจะนำรถไปขายต่อเนื่องจากมักนำรถเข้าออกพรมแดนสะเดา จ.สงขลาและด่านพรมแดนเบตง จ.ยะลา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียได้จับตาดูอยู่ แต่ได้รับคำยืนยันว่าบุคคลทั้งสามไม่มีหมายจับในประเทศมาเลเซีย และจากการมีข่าวออกมาว่าผู้ต้องสงสัย เมื่อเดินทางเข้ามาประเทศไทยแล้วมักจะนั่งเครื่องบินกลับ จากการตรวจสอบไม่พบพฤติกรรมดังกล่าว พบเพียงในการเข้า-ออกด่านสะเดา และ ด่านเบตง จากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียได้นำตัวกลับไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อทำการสอบสวนต่อไป
ข่าว..เจษฎา สิริโยทัย จ.ยะลา โทร.064-1265593