ปกครองแห่นำบุตรหลานซื้อชุดนักเรียนคึกคักร้านค้ามีรายได้ต่อวันไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นแต่ละคนต้องจ่าย 3 – 7 พันสถานศึกษากระบี่ 461 แห่งไม่ยกเลิกชุดลูกเสือฝากกระทรวงศึกษาทบทวน

  ผู้ปกครองแห่นำบุตรหลานซื้อชุดนักเรียนคึกคักร้านค้ามีรายได้ต่อวันไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นแต่ละคนต้องจ่าย 3 – 7 พันสถานศึกษากระบี่ 461 แห่งไม่ยกเลิกชุดลูกเสือฝากกระทรวงศึกษาทบทวน
















เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 เวลา ตั้งแต่เวลา 09.00 – 20 00 นาฬิกา ของวันนี้ เหล่าบรรดาผู้ปกครองจากพื้นที่ 8 อำเภอของจังหวัดกระบี่ ได้นำบุตรหลายเดินทางออกมาซื้อเครื่องแบบชุดนักเรียน ชุดลูกเสือ ชุดเนตรนารี ชุดยุวกาชาด ชุดลูกเสือสมุทร ชุดพละ และอุปกรณ์ส่วนควบของเครื่องแต่งกายชุดนักเรียน ประกอบด้วยรองเท้า ถุงเท้า เข็มขัด และกระเป๋า ที่นอนสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน หมอน และผ้าห่มตั้งแต่ระดับก่อนอนุบาลไปจนถึงระดับปริญญาตรี เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับบุตรหลานที่จะเข้าศึกษา ในภาคเรียนที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2568 ซึ่งจะทำการเปิดการเรียนการสอนทั้งโรงเรียนในสังกัดรัฐบาลและสังกัดเอกชน ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2568 พร้อมกันทั้ง 8 อำเภอ รวม 461 แห่ง แยกเป็นสถานศึกษารัฐ จำนวน 408 แห่ง และภาคเอกชน จำนวน 53 แห่ง รวมนักเรียนทั้งสิ้น 44,509 คน 

โดยการซื้อขายชุดนักเรียนมาเริ่มคึกคักตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นมา ทำให้เหล่าบรรดาร้านจำหน่ายเครื่องแบบชุดนักเรียน 3 ร้านค้าใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกระบี่ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ คือร้านติ๋มบูติก ร้านเอกภัณฑ์ และร้านนำสมัย เนื่องแน่นไปด้วยผู้คนทำให้การซื้อเครื่องแบบชุดนักเรียนเป็นไปอย่างคึกคัก จนทางร้านให้บริการไม่ทันล้นออกนอกร้าน ซึ่งปีนี้นับว่าขายดีอย่างเทน้ำเทท่า เฉลี่ยแต่ละร้านมีรายได้วันละไม่ต่ำกว่า 60,000 บาท ถึงแม้ว่าปีนี้ราคาชุดนักเรียนราคาสูงขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 15 – 20 บาท ซึ่งการขายเครื่องแบบชุดนักเรียนขึ้นอยู่กับแต่ละไซด์มีราคาตั้งแต่ชุดละ 500 – 750 บาท ชุดลูกเสือ ชุดเนตรนารี ชุดยุวกาชาด มีราคาตั้งแต่ชุดละ 495 – 750 บาท ชุดกีฬามีตั้งแต่ราคาชุดละ 290 – 350 บาท ส่วนถุงเท้า รองเท้า และกระเป๋า มีราคาตั้งแต่ 30 – 500 บาท 

ซึ่งผู้ประกอบการร้านจำหน่ายเครื่องแบบชุดนักเรียน ให้ข้อมูลว่า สำหรับเครื่องแบบชุดนักเรียนมีร้านค้าดังกล่าวออกไปขายถึงสถานศึกษาบางแห่งอีกด้วย เพราะต้องการลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองโดยไม่ต้องเดินทางมาซื้อถึงร้านในตัวเมืองจังหวัดกระบี่ จึงทำให้ยอดขายสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและดีกว่าปีที่ผ่านมา เครื่องแบบชุดนักเรียนที่แพงที่สุดคือ ชุดลูกเสือและเนตรนารีสมุทร ชุดละ 2,900 บาท แต่ทางร้านไม่ได้จำหน่าย โดยทางโรงเรียนเป็นผู้จำหน่ายเอง ซึ่งผู้ปกครองแต่ละคนต้องซื้อเครื่องแบบชุดนักเรียนให้บุตรหลานคนละ 3 - 5 ชุด ประกอบด้วยชุดนักเรียน 3 ชุด ชุดลูกเสือ หรือชุดเนตรนารี หรือชุดยุวกาชาด ชุดพละหรือกีฬา  รองเท้าคนละ  1 - 2 คู่ เฉลี่ยผู้ปกครองต้องจ่ายเงินในช่วงเปิดเทอมไม่ต่ำกว่า 3,500 - 8,000 บาทต่อคน หากครอบครัวใดมีบุตรหลาน 2 – 3 คน ถือว่าค่าใช้จ่ายสูงเอาการ แต่ก็มีบางครอบครัวสามารถนำชุดนักเรียนเก่าของพี่มอบต่อให้น้องทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่ส่วนใหญ่แล้วในยุคนี้เด็กนักเรียนต้องการของใหม่มากกว่า 

ด้านของผู้ปกครองคนหนึ่งบอกว่า เรื่องที่กระทรวงศึกษาธิการ ให้สถานศึกษาแต่ละแห่งพิจารณาว่าจะให้นักเรียนสวมใส่ชุดลูกเสือ ชุดเนตรนารี ชุดลูกเสือสมุทร โดยไม่ต้องซื้อชุดใหม่นั้น เพียงให้นำผ้าพันคอมาผูกแทนนั้น ในส่วนของจังหวัดกระบี่สถานศึกษายังไม่ได้แจ้งให้ผู้ปกครองทราบ แต่เท่าที่ทราบมาสถานศึกษาทั่วจังหวัดกระบี่ยังให้นักเรียนสวมใส่ชุดดังกล่าวเหมือนเดิม จากการสอบถามเพื่อนๆผู้ปกครองด้วยกันต่างก็เห็นด้วย เพราะการสวมใส่ชุดเหล่านี้นั้นบ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์ของวิชาดังกล่าวที่ได้เล่าเรียนในแต่ละวัน ทั้งยังเป็นการส่งเสริมและสร้างจิตสำนึกในความรับผิดชอบให้กับนักเรียนอีกด้วยว่าวันไหนต้องใส่ชุดอะไรเพื่ออะไร ซึ่งหากกระทรวงศึกษาธิการต้องการให้เด็กไทยเป็นคนเก่งมีระเบียบวินัย มีความรู้ความรับผิดชอบ น่าจะมีการทบทวนกันให้ดีว่า ปัจจุบันนี้เด็กไทยขาดความรู้ความเข้าใจถึงความเป็นมาของชาติไทยไปมากเท่าไหร่ และขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามที่บรรพบุรุษสืบทอดกันมาอย่างยาวนานนั้น มันใกล้จะสูญหายไปแล้วในยุคอิจิตอลและเทคโนโลยีที่มีแต่สร้างภาระให้กับผู้ปกครอง กระทรวงศึกษาควรหันมาทบทวนกระบวนการเรียนการสอนใหม่ เพื่อให้เด็กเยาวชนมีความลึกซึ้งถึงประวัติศาสตร์ชาติไทย



สนับสนุนข่าวโดย










Please Select Embedded Mode To Show The Comment System.*

ใหม่กว่า เก่ากว่า
ข่าวช่อง2 ออนไลน์ไทยแลนด์

Default Thumbnail

ข่าวช่อง2 ออนไลน์ไทยแลนด์