สุพรรณบุรี - กรมชลระดมสูบน้ำออกจากทุ่งรับน้ำให้เกษตรกรทำนา 1 ธันวาฯ
ที่จังหวัดสุพรรณบุรี นายประยูร อินสกุล ปลัดกระกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการสูบน้ำของเจ้าหน้าที่ชลประทาน ที่เร่งระดมสูบน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำ ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายในการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งโพธิ์พระยา โดยมี นายวัชระ ไกรสัย ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 นายวสันต์ จี้ปูคำ เกษตรจังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่ชลประทาน จังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้
นายวัชระ ไกรสัย ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่12 กล่าวว่า การระบายน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำโดยภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร ร่วมมือกันดำเนินการ เนื่องจากทุ่งโพธิ์พระยาเป็นทุ่งลุ่มต่ำผ่านลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ซึ่งมีแผนการระบายออกจากทุ่งโพธิ์พระยาตามแผนเดิมวางไว้จะสิ้นสุดวันที่ 15 มกราคม 2568 เนื่องจากทุ่งโพธิ์พระยายังมีน้ำอยู่เป็นจำนวนมากจึงเป็นจุดสำคัญที่ต้องเร่งระบายออก สำหรับทุ่งโพธิ์พระยามีพื้นที่อยู่ 211,000 ไร่เศษมีความจุของทุ่งอยู่ สองร้อยล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีการระบายอยู่วันละ 1.8 ล้านลูกบาศก์เมตรทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มการระบายปริมาณน้ำในทุ่งที่มีอยู่ประมาณ 25 ล้านลูกบาศก์เมตรเศษ เราจะเก็บไว้เตรียมแปลงประมาณ 7ล้านลูกบาศก์เมตรเศษ ประมาณน้ำที่เหลือประมาณ 17 ล้านลูกบาศก์ก็เมตรเราก็จะใช้ระบบอาคารชลประทานช่วยระบายประมาณ7ล้านลูกบาศก์เมตรที่เหลือ10ล้านเราจะใช้เครื่องสูบน้ำของชลประทานช่วยสูบประมาณ5ล้านส่วนอีก4ล้านลูกบาศก์เมตรจะใช้ความร่วมมือร่วมใจของภาคเอกชนและเกษตรกรช่วยระบายโดยมีเป้าหมายสิ้นการระบายอยู่ที่สิ้นเดือนพฤศจิกายน นี้
โดยมีจุดสูบน้ำทั้งหมด 16 จุด รวมเครื่องสูบน้ำทั้งของชลประทานและของเกษตรกร จำนวน 68มเครื่องซึ่งจุดนี้คือจุดประตูกลางคลองหนองจิก ตำบลบางพลับ อำเภอสองพี่น้อง มีเครื่องของเกษตรกรประมาณ 10 เครื่องและเครื่องของชลประทานขนาดใหญ่ ขนาด 2 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จำนวน 2เครื่องคาดว่าการเร่งระบายน้ำออกครั้งนี้จะช่วยให้เกษตรกรได้ใช้พื้นที่เพื่อทำการเกษตรหรือกิจกรรมอื่นๆได้เร็วมากขึ้นก็จะทำให้เกิดประโยชน์กับพื้นที่ได้มากขึ้น
ทางด้านเกษตรกรบ้านไผ่ลูกนกตำบลสวนแตง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี กล่าวว่ารู้สึกดีใจที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดเครื่องสูบน้ำมาสูบออกจากพื้นที่นา ชาวนาจะได้ทำนาเร็วขึ้นปกติน้ำที่ท่วมขังรอการระบายกว่าจะแห่งก็ เดือนมกราคม แต่พอมีการสูบน้ำก็คิดว่าน่าจะได้ทำนาช่วงเดือนธันวาคม ชาวนาทุกคนคงดีใจที่ ได้ทำนาไวขึ้นต้องขอขอบคุณกระทรวงเกษตรและปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่ชลประทานที่มาช่วยเหลือสูบน้ำออกจากนาของเกษตรกร หมู่ 1-2- 6 และข้างเคียง ที่รับน้ำจากหลายพื้นที่ แล้วมารวมกันที่หมู่ 6 แห่งนี้
ทางด้านนายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่นำร่อง 2 พื้นที่คือทุ่งผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และทุ่งโพธิ์พระยา ของจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำ ถ้าปล่อยให้ไหลไปตามธรรมชาติก็คงจะปลายธันวา หรือล่วงเลยไปถึงเดือนมกราคม ของปีหน้า เราจึงได้บริหารจัดการน้ำโดยทำโครงการระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำโดยให้กรมชลประทานร่วมกับภาคเอกชนและพี่น้องเกษตรกร โดยชลประทานก็จะใช้เครื่องสูบน้ำและน้ำมันของกรมชลเอง ในส่วนของภาคเอกชนหรือพี่น้องเกษตรกรถ้ามาร่วมกับเราเราจะมีน้ำมันโดยบริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย ให้ความช่วยเหลือในงบประมาณเป็นน้ำมันที่จะจ่ายให้กับพี่น้องเกษตรกร ในพื้นที่อยุธยา หรือพื้นที่วัดโบสถ์ขณะนี้มีในส่วนของเอกชนและเกษตรได้เอาเครื่องมาช่วยสูบ
ส่วนพื้นที่ตรงนี้คือพื้นที่ตำบลสวนแตง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี มีน้ำที่ต้องเร่งระบายออกประมาณ 7 ล้านลูกบาศก์เมตร หลังจากมาตรวจเยี่ยมเห็นว่าเครื่องที่มีอยู่ถ้าใช้เวลา 10 วันก็เพิ่งจะได้น้ำ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงให้กรมชลประทานเพิ่มเครื่องสูบน้ำและให้พี่น้องเกษตรกรเอาเครื่องมาตั้งโดยใช้น้ำมันของบริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย เติมให้ เราคิดว่าถ้าเป็นไปตามแผนวันที่ 1 ธันวาคม พี่น้องชาวนาสามารถทำนาได้เลยถ้าโครงการนี้สำเร็จก็จะทำให้พี่น้องชาวนาทำนาได้ไวขึ้นประมาณ 1เดือนถึง เดือนครึ่งพี่น้องเกษตรกรก็จะมีรายได้ไวขึ้น
หลังจากน้ำลดลงแล้วกรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมการข้าวก็จะมาช่วยดู พัฒนาที่ดินก็มาช่วยดูว่าดินมีปัญหาอะไรหรือไม่ หลังจากที่น้ำหลากมามีสารพิษมีเชื้อโรคหรือไม่ ทางกรมวิชาการก็จะมาช่วยดู ทางกรมการข้าวก็จะมาช่วยดู กรมส่งเสริมการเกษตรก็จะมาช่วยวางแผนเพื่อที่จะวางแผนในฤดูเก็บเกี่ยวพอเก็บเกี่ยวแล้ว ปีนี้ต้องบอกว่าน้ำในเขื่อนหลักไม่ว่าจะเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนสิริกิตติ์ 100เปอร์เซ็นต์ เขื่อนภูมิพล มี 73 เปอร์เซนต์ ป่าสักชลสิทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์ น้ำปีนี้มีมากกว่าปีที่แล้ว 2 เท่าเพราะฉะนั้นเราให้รีบปลูกข้าวรอบนี้ไวขึ้นแล้วพักอีก 1 เดือน ตอนนี้กระทรวงเกษตรก็ประกาศแล้วให้ทำเพิ่มอีกประมาณ 10 ล้านกว่าไร่หลังจากปลูกรอบนี้ต้นเมษา จะรีบให้ทำนาต่อได้เลยฝากถึงพี่น้องเกษตรกรที่ทำนา ถ้าทางกรมชลประทานสามารถดำเนินการได้ตามแผน วันที่ 1 ธันวาคม ไม่ว่าจะเป็นทุ่งผักไห่ หรือทุ่งโพธิ์พระยา จะสามารถปลูกข้าวทำนาตั้งแต่ต้นธันวา แน่นอน
ภัทรพล พรมพัก สุพรรณบุรี