นครปฐม - ตร.ภ.7 แถลงข่าวคดีดังแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หลอกเหยื่อข่มขืน

ตร.ภ.7 แถลงข่าวคดีดังแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หลอกเหยื่อข่มขืน

ตำรวจภูธรภาค 7 แถลงข่าว คดีดังแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงเหยื่อ 2 สามีภรรยา ทั้งเรื่องลวงให้เปิดบัญชีม้าแบบซ้ำซากจำนวนหลายสิบครั้ง อีกทั้งยังหลอกภรรยาไปทำการข่มขืน จนสำเร็จความใคร่อีกด้วย

คดีนี้นับเป็นคดีที่สนใจต่อประชาชนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นคดีที่เป็นการหลอกลวงเหยื่อให้ตายใจ ชนิดแบบเนียน ๆ จนทำให้ 2 สามี-ภรรยา ต้องกลายเป็นเหยื่อตกหลุมพลางอย่างง่ายดาย และกว่าจะรู้มันก็สายไปเสียแล้ว สุดท้ายก็ต้องตกอยู่ในอำนาจของพวกมิจฉาชีพ หรือกลุ่มพวกหากินแบบไม่สุจริต จนหมดสิ้นเนื้อประดาตัว ในที่สุดก็ต้องไปพึ่งร้องขอความช่วยเหลือ จากเพจสายไหมต้องรอด จนเป็นข่าวฮือฮาในจอแก้วมาแล้ว คดีนี้เริ่มจากผู้ต้องหาได้ทำการหลอกเหยื่อ (ภรรยา) ให้มาหาที่อพาร์ทเม้นท์ เพื่อให้ช่วยติดต่อสามี เนื่องจากก่อนหน้านี้  สามีของตนได้เข้าไปหางานทำในเฟสบุ๊ค และก็เจอกับผู้ต้องหา ก่อนที่จะโดนหลอกพาไปทำงานเป็นแอดมินเวปเพจ โดยอ้างว่ารายได้ดี จะมีรายได้อาทิตย์ละ 30,000 บาท ก่อนไปทำงานมีเงินให้เบิกก่อน จำนวน 6,000 บาท สามีจึงหลงเชื่อ ขึ้นรถแท็กซี่ไปกับผู้ต้องหาแล้วไปส่งที่ จ.สระแก้ว ก่อนที่จะมีรถมอเตอร์ไซค์มารับข้ามไปฝั่งปอยเปรต ทำหน้าที่สแกนหน้าโอนเงินในบัญชีไปให้กับบุคคนอื่น โดยทำงานอยู่ที่ปอยเปรตรวม 3 วัน โดนสแกนหน้าไปแล้วกว่า 60 ครั้ง เมื่อบัญชีธนาคารของตนถูกแบ็งค์อายัด ผู้ต้องหาจึงมาส่งที่ชายแดนให้กลับบ้านเอง ขณะเดียวกันทางภรรยาที่ติดต่อสามีไม่ได้ จึงพยายามโทรหาผู้ต้องหา ก่อนที่จะโดนหลอกนัดให้มาพบกันที่อพาร์ทเม้นท์ จนกระทั่งถูกข่มขืน หลังเกิดเหตุเหยื่อจึงได้ขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด และพาเข้ามาพบกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 จนนำไปสู่การจับกุม

และในวันนี้ทางด้าน พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร รอง ผบช.ภ.7 และผู้กำกับ สภ.กำแพงแสน ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบที่เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ ก็ได้มาร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย ซึ่งคดีนี้ทางฝ่ายสืบสวน สภ.กำแพงแสน ได้ทำการสืบสวนและทราบชื่อผู้ต้องหา และภาพจากกล้องวงจรปิดก่อน ขณะและหลังเกิดเหตุ ได้รวบรวมหลักฐานส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการออกหมายจับ ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.กำแพงแสน ได้ทำการขออนุมัติหมายจับต่อ ศาลจังหวัดนครปฐม และศาลจังหวัดนครปฐม ได้ทำการอนุมัติหมายจับ ที่ 1365/2567 ลงวันที่ 17 ธ.ค.67 ในความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น,ทำร้ายผู้อื่น, จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น” ต่อมา วันที่ 17 ธ.ค.67 เวลาประมาณ 17.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.กำแพงแสน ได้จับกุมตัว ผู้ต้องหาดังกล่าวได้บริเวณริมถนนสาธารณะ ม.1 ต.ทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ก็พบว่าผู้ต้องหามีประวัติอาชญากรรม กล่าวคือ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 51 ถูกจับกุมในพื้นที่ สภ.กำแพงแสน ข้อหา “ลักทรัพย์ผู้อื่น” เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.51 ถูกจับกุมในพื้นที่ สภ.กำแพงแสน ข้อหา “วิ่งราวทรัพย์” เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.51 ถูกจับกุมในพื้นที่ สภ.กำแพงแสน ข้อหา “ยักยอกทรัพย์” และเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.51 ถูกจับกุมในพื้นที่ สภ.กำแพงแสน ข้อหา “ชิงทรัพย์”

ผู้สื่อข่าว นายพิสิษฐ์ ปานวณิชยกิจ (นครปฐม)

ผู้ช่วยข่าว น.ส.ศิวาพร ศรีศิวานุวัฒน์ (18 ธ.ค.67)


Please Select Embedded Mode To Show The Comment System.*

ใหม่กว่า เก่ากว่า
ข่าวช่อง2 ออนไลน์ไทยแลนด์

Default Thumbnail

ข่าวช่อง2 ออนไลน์ไทยแลนด์