กรมศุลกากร ร่วมกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ “DSI” และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจยึดตู้คอนเทนเนอร์ต้องสงสัย ต้นทางมาจากจีน พบภายในเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้า บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 47,495 ชิ้น มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
เมื่อวันก่อน นายดิเรก คชารักษ์ รองอธิบดีกรมศุลกากร พร้อมคณะ เดินทางมาที่สำนักงานศูนย์X-RAYขาเข้า สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี แถลงข่าวการจับกุมสินค้าต้องห้ามนำเข้า เป็นบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน47,495 ชิ้น มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท พร้อมเปิดเผยว่า ตามนโยบายของ นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามสินค้าต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร ประเภทบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพของประชาชน
โดย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงการคลัง และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.กระทรวงการคลัง ได้สั่งการให้กรมศุลกากร บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการป้องกันและปราบปรามสินค้าประเภทบุหรี่ไฟฟ้า
ด้วยเหตุผลดังกล่าว นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ศุลกากร เฝ้าระวังและเร่งรัดปราบปราม สินค้าประเภทบุหรี่ไฟฟ้า ในการนำเข้าและนำผ่านราชอาณาจักร ต่อมา นายดิเรก คชารักษ์ รองอธิบดีฯ จึงสั่งการให้ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ดำเนินการมาตรการป้องกันปราบปรามของผิดกฎหมายเพื่อปกป้องสังคม
ขณะที่ นายวุฒิ เร่งประดุงทอง ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง สั่งให้ยกระดับในการบังคับใช้กฎหมายและปราบปรามผู้กระทำผิดตามกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยนายสงขลา โซะเหม ผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร และ นายฐิติพงศ์ คำผุย ผู้อำนวยการส่วนบริการศุลกากร 1 กำชับให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรปฏิบัติงาน เข้มงวดในการตรวจสอบการลักลอบ-หลีกเลี่ยงศุลกากรในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ สทบ.
กระทั่งเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567ที่ผ่านมา กรมศุลกากร โดย สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง,เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและปราบปราม สคศ., ฝ่ายบริการศุลกากรที่ 1 สบศ.1, กองสืบสวนและปราบปราม ฝ่ายสืบสวนและปราบปราม 3 สปป.1 กสป. ปฏิบัติการร่วมกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำการตรวจสอบตู้สินค้าต้องสงสัย 1 ตู้คอนเทนเนอร์ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยกรมศุลกากรได้รับการประสาน จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าอาจมีการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า ซุกซ่อนปะปนมากับสินค้าอื่น ซึ่งตู้สินค้าดังกล่าวต้นทางมาจาก สาธารณรัฐประชาชนจีน จึงได้ทำการอายัดตู้สินค้าเพื่อตรวจสอบโดยละเอียด
พบ บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง จำนวนกว่า 47,495 ชิ้น มูลค่าของกลางกว่า 10 ล้านบาท ทั้งนี้บุหรี่ไฟฟ้าจัดเป็นของต้องห้ามตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่ และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2557 จึงอาศัยอำนาจตาม พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดของดังกล่าว เป็นของกลางส่งสำนักงานศุลกากรท่าเรือ ต่อไป
ทีมข่าว “ทูนิวส์” เมื่องพัทยา
ธัญธนาฒย์ สิงห์โตนิเวศ
อธิบดี บุญชารี รายงาน