กิจกรรม kick-off โครงการ "รัฐเข้มตรวจจับ ปรับจริง ห้ามใช้รถควันดำ
วันที่ 18 ธันวาคม 2567 เวลา 09.30 น. ณ บริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 306 (พิบูลสงคราม) ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นประธานเปิดกิจกรรม kick-off โครงการ "รัฐเข้มตรวจจับ ปรับจริง ห้ามใช้รถควันดำ" โดยการบูรณาการความร่วมมือของสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ ๖ ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนนทบุรี ตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี สำนักงานขนส่งจังหวัดนนทบุรี แขวงทางหลวงนนทบุรี และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดกิจกรรม "รัฐเข้มตรวจจับ ปรับจริง ห้ามใช้รถควันดำ" เพื่อดำเนินการตรวจสอบ ตรวจจับ และห้ามใช้รถยนต์ที่ที่มีค่าควันดำเกินเกณฑ์มาตรฐานกฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในเขตเมือง
คุณภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี จะพบปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงในช่วงฤดูหนาวจนเข้าสู่ฤดูร้อน ระหว่างเดือนตุลาคม - เมษายน โดยที่ผ่านมาสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในปี 2567 พบค่าฝุ่นละออง PM 25 มีค่าสูงสุดในช่วงเดือนธันวาคม เท่ากับ 85.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และมีจำนวนวันที่ PM 2.5 เกินมาตรฐานในปี 2567 เท่ากับ 68 วัน จากจำนวนที่ตรวจวัดทั้งหมด 365 วันและค่าเฉลี่ยรายปี เท่ากับ 23 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มาตรฐานค่าเฉลี่ยรายปีเท่ากับ 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายและสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ปี 2568 โดยเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ทุกหน่วยงานต้องดำเนินการอย่างเข้มข้น ซึ่งในเขตเมืองใหญ่ ฝุ่นละออง (PM 2.5), ส่วนใหญ่มาจากยานพาหนะโดยเฉพาะรถยนต์ดีเซล
ภายใต้โครงการ "รัฐเข้มตรวจจับ ปรับจริง ห้ามใช้รถควันดำ" ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 กำหนดจุดตรวจจับควันดำ จำนวน 4 จุด ได้แก่ (1) บริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 306 (พิบูลสงคราม) ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนทบุรี (2) บริเวณถนนติวานนท์ (ต่างระดับถนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด) ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี (3) บริเวณถนน 340 ตำบลไทรใหญ่ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี และ (4) บริเวณถนน 364 ตำบลคลองขวาง อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี เพื่อกำกับดูแลแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทยานพาหนะในการระบายมลพิษให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด สื่อสารประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาฝุ่นละอองจากยานพาหนะให้แก่
ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการบูรมาการการดำเนินงานร่วมกันทุกภาคส่วนในในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง ตามมาตรการการปฏิบัติงานในช่วงสถานการณ์วิฤตฝุ่นละออง PM 2.5
ประยงค์ วิลัย /ภาพข่าว