รมว.กระทรวงทรัพยากรฯ เร่งผลักดันผลงานปี 67 นโยบายหลัก 3 ข้อ "ความล่าช้า คือ ความอยุติธรรม" ผลักดัน 137,000 คำขอ ใช้ประโยชน์ที่ดิน แก้ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ป่า ลดขั้นตอนพิจารณา ชาวบ้านได้ประโยชน์นับแสนครอบครัว พร้อมคุมเข้มมาตรการ ผู้บุกรุก และลักลอบทำลายป่า ล่า-ค้าสัตว์ป่า จับกุม ดำเนินคดี ไม่ละเว้น
โดยมอบเป็นนโยบายหลัก 3 ข้อ ให้กับข้าราชการกระทรวงทรัพยากรฯ ประกอบด้วย
1.ความล่าช้าก็คือความอยุติธรรมอย่างหนึ่ง
2.การออกเอกสารสิทธิ์ทำกินตามโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) จะต้องเร่งรัดให้ได้ไวที่สุด
3.พื้นที่ป่าไม้ทั้งหมดมีราษฎรเข้าไปอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ที่ยังขาดไปคือสาธารณูปโภค จึงได้ผ่อนปรนให้หน่วยราชการเข้าไปดูแล ทั้งน้ำ ถนน ไฟฟ้า ทำให้หลายแสนครอบครัวได้ประโยชน์ หลายล้านคนที่อยู่ในพื้นที่ป่าที่ได้ดำเนินการ และกำลังเก็บตกส่วนที่เหลือโดยจะเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่ 7 ม.ค.2568
และได้มีการมอบหมายและสั่งการให้กรมป่าไม้เร่งแก้ปัญหาการขอใช้พื้นที่ป่าไม้ให้แล้วเสร็จเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 68 ภายใต้นโยบาย “ยืดหยุ่น สะดวก และคล่องตัว” เพื่อประโยชน์แก่ประชาชน
จากคำขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้จำนวนกว่า 137,000 คำขอ จึงต้องการเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน และในฐานะคนทำงานเพื่อประชาชน ผมได้พยายามผลักดันเรื่องนี้อย่างเท่าเทียมและต้องไม่ผิดกฎหมาย ทำให้มีการเพิ่มจำนวนการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จากเดือนละครั้ง เป็นเดือนละ 2 ครั้ง พร้อมกับการลดขั้นตอนการพิจารณา และปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ยืดหยุ่น เพื่อให้มีความคล่องตัวมากขึ้น
โดยภาพรวมการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าไม้ แบ่งออกเป็น 4 ส่วน
1 เป็นการขออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์พื้นที่ป่าไม้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2509 – ปัจจุบัน อนุญาตไปแล้ว จำนวน 8,162 คำขอ รวมเนื้อที่ประมาณ 7,336,787 ไร่ ในจำนวนนี้แบ่งเป็น
- พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 7,486 คำขอ รวมเนื้อที่ประมาณ 7,167,801 ไร่
- พื้นที่ป่าตามมาตรา 4 (1) จำนวน 676 คำขอ รวมเนื้อที่ประมาณ 168,986 ไร่
2 เป็นการอนุญาตตามโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.)
- มีการออกหนังสืออนุญาตแล้วจำนวน 523 คำขอ รวมเนื้อที่ประมาณ 2,807,424 ไร่
- ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา จำนวน 144 คำขอ รวมเนื้อที่ประมาณ 842,871 ไร่ และ
- มีคำขอแบบ 1 จังหวัด 1 คำขอ รวมเนื้อที่ประมาณ 774 ไร่
3 เป็นคำขอตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 และเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 เพื่อให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ได้เข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าไม้ โดยมีการยื่นคำขออนุญาตจำนวน 137,444 คำขอ อนุญาตแล้ว จำนวน 2,582 คำขอ แบ่งเป็น
- คำขอที่ยื่นตามมติ ครม.ฯ จำนวน 2,430 คำขอ และ
- เป็นคำขอที่ยื่นก่อนมติ ครม.ฯ จำนวน 152 คำขอ
4 คณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ได้เห็นชอบคำขอตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 และเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 กรณีส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ที่ได้เข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต ในคราวประชุมฯ ครั้งที่ 12/2567 เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 จำนวน 5,407 คำขอ แบ่งเป็น
- คำขอที่คณะกรรมการฯ เห็นชอบ จำนวน 64 คำขอ และ
- คำขอที่คณะกรรมการฯ เห็นชอบในหลักการ จำนวน 5,343 คำขอ
ซึ่งคำขอเหล่านี้ โดยมากเป็นคำขอจากหน่วยงานราชการ ตั้งแต่ระดับกรม ไปจนถึงระดับ อบต. สถาบันการศึกษาของรัฐ กฟผ. และหากพิจารณาจากวัตถุประสงค์ของการใช้พื้นที่พบว่า เป็นการขออนุญาตเพื่อเข้าทำประโยชน์ให้กับประชาชนในวงกว้าง ตั้งแต่ การก่อสร้างโรงพยาบาล สถานบริการสาธารณสุข รพ.สต. ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ถนน สะพาน ทางรถไฟ ทางสาธารณประโยชน์ กิจการโทรคมนาคม ก่อสร้างโรงเรียน ขยายระบบประปาหมู่บ้าน สร้างอ่างเก็บน้ำ ขยายเขตไฟฟ้า และเป็นโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลเป็นการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐในลักษณะแปลงรวม ดำเนินการภายใต้ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)
ตลอดเดือนตุลาคม ถึง ธันวาคม 2567 เราทำงานมุ่งเน้นการช่วยเหลือประชาชน แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาโลกร้อนในการประชุม COP29 พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
ฝากพี่น้องข้าราชการช่วยกันนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ
#จริงจังทุกหน้าที่ #เต็มที่ทุกบทบาท
#กล้าสนับสนุนคนทำงานดี #ให้มีพื้นที่ทำงาน
ข่าวทีมข่าวจ.ประจวบฯ/กระทรวงทรัพยากรฯ