อุทยานหาดนพรัตน์ธารารณรงค์ทำความเข้าใจผู้ประกอบการไกด์นักท่องเที่ยวปฏิบัติตามกฎข้อห้ามในการเข้าท่องเที่ยวพื้นที่ฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 5 แสนหรือทั้งจำทั้งปรับ
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568 เวลา 10.00 นาฬิกา นานแสงสุรีย์ ซองทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยนายอดิศักดิ์ เหงี่ยมสระน้อย และนายวราวิทย์ จิตรัว สองผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี และเจ้าพนักงานของอุทยานดังกล่าว ร่วมกิจกรรมเดินรณรงค์ประชาสัมพันธ์เชิญชวนและชี้แจงทำความเข้าใจกับ ผู้ประกอบกิจการเรือหัวโทงหรือเรือหางยาวนำเที่ยว ผู้ประกอบการเรือสปีดโบ๊ท ผู้ประกอบการเรือโดยสารประจำทาง รวมถึงไกด์หรือมัคคุเทศก์ ตลอดจนนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่บริเวณหาดนพรัตน์ธารา เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพีจังหวัดกระบี่ หมู่ที่ 3 บ้านคลองแห้ง ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ให้ทราบถึงการปฏิบัติตนเกี่ยวกับกฎข้อบังคับและข้อห้าม และความผิดรวมถึงข้อควรปฏิบัติในการเข้าไปท่องเที่ยวในพื้นที่ทางบกและทางทะเล เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพีจังหวัดกระบี่ เช่นห้ามเก็บกาปะการัง กัลปังหา เปลือกหอย ห้ามลงเล่นน้ำในที่ไม่ได้มีทุนสำหรับลงเล่นน้ำ ห้ามนำและใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อปะการัง ห้ามให้อาหารปลาและลิง ห้ามใช้โดรนบินในพื้นที่หากไม่ได้รับอนุญาต เป็นต้น
โดยนายแสงสุรีย์ ซองทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ปัจจุบันยังมีนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่ง ลักลอบเก็บและหาเปลือกหอย ปะการัง กับปังหา และสัตว์น้ำ ออกจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติในพื้นที่ 6 จังหวัดฝั่งอันดามัน ดังนั้นอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ได้เล็งเห็นปัญหาและให้ความสำคัญในเรื่องนี้ จึงจัดกิจกรรมเดินรณรงค์ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการนำเที่ยวและนักท่องเที่ยว ที่เข้ามาเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งได้มีการชี้แจงกฎระเบียบและข้อควรปฏิบัติในการท่องเที่ยวในเขตอุทยาน สำหรับข้อห้ามนั้นประกอบด้วย ช่วยกันนำขยะออกจากพื้นที่อุทยาน ไม่ก่อกองไฟในเขตอุทยาน ไม่นำภาชนะที่ทำด้วยโฟมเข้าไปในอุทยาน ไม่ส่งเสียงดัง ไม่ให้อาหารสัตว์ป่าและไม่สัมผัสสัตว์ป่า ไม่เก็บพืช ดอกไม้ จับสัตว์และนำสิ่งต่างๆออกจากอุทยาน ไม่ขีดเขียนในที่ต่างๆ ไม่นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปในอุทยาน
นายแสงสุรีย์ กล่าวอีกว่า หากผู้ใดฝ่าฝืนกฎข้อบังคับดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่สามารถเชิญบุคคลนั้นออกจากพื้นที่อุทยานทันที หรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดที่เห็นสมควร เพื่อป้องกันระงับหรือบรรเทาความเสียหายแก่อุทยาน ผู้ใดกระทำการหรืองดเว้นกระทำการไม่ว่าจงใจหรือประมาทเลินเล่อโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุทยาน ผู้นั้นต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลายสูญหายหรือเสียหาย เป็นต้น ผู้ใดเก็บหานำออกไปกระทำด้วยประการใดๆให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย แร่ ปิโตรเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวิภาพ หรือทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในอุทยานแห่งชาติ อันเป็นการฝ่าผืนมาตรา 19 วงเล็บ 2 ต้องระวางโทษจำคุกไม้เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นต้น